วันศุกร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ตกลงเราได้อะไรจากหมอดูกันแน่?…

จากที่ศึกษาไพ่ทำนายหลายๆ ชุดด้วยตัวเอง
ซื้อมาเล่นก็หลายแบบ ทั้งไพ่ยิปซีธรรมดา ยิปซีไวกิ้ง ยิปซีอียิปต์
จนล่าสุดไพ่พรหมญาณ

เท่าที่ลองดูโดยการทำนายตัวเองมากสุด ก่อนไปทายให้พี่น้องใกล้ชิด

ผมว่า ไพ่ทำนายทุกแบบ ไม่ได้บอกอนาคต
หรือต่อให้บอก ก็บอกแบบช่วงใกล้มากๆ
โดยปกติ ไพ่ที่ออก จะบอกเรื่องปัจจุบัน และเรื่องที่ผ่านมาได้ค่อนข้างถูก

แต่ถ้าถามเรื่องอนาคตที่ไกลมากๆ หรือสิ่งที่เราไม่รู้เลย
ไพ่ก็จะตอบคลุมเครือ บอกอ้อมๆ และวกกลับมาปัจจุบันตลอด

ผมเลยคิดว่า จริงๆแล้ว ไพ่เองไม่มีอะไร
คนแปลความหมาย ก็ไม่มีอะไร

สิ่งที่มีคือคนที่ถาม หรือคนที่เลือกจับไพ่เพื่อถามนั่นเอง
ในความรู้สึกผม ผมว่าไพ่ เป็นเหมือนสื่อที่ดึงเอาตัวตนผู้ถามออกมา

อารมณ์เหมือนตอนผมไปดูหมอดูตัวเลข หรือลายมือ
จริงๆ แล้วเขาไม่ได้ทายอะไรนอกเหนือไปจากที่ผมรู้แล้วเลย

สิ่งต่างๆ คือสิ่งที่ผมรู้แล้วทั้งนั้น ทั้งเรื่องนิสัย ฐานะ สุขภาพ คู่รัก
แต่เขามีหน้าที่ เอาทั้่งหมดมาเรียบเรียง แล้วพูดออกมาให้เราเข้าใจง่าย

อันเป็นการทำให้เราเห็นภาพตัวเองได้ชัดเจน
และพาไปสู่การตัดสินใจ หรือเลือกอนาคตได้ถูกต้องขึ้น

จะว่าไป หมอดู ก็คล้ายๆ จิตแพย์หรือเพื่อนสนิทเราดีๆ นี่เอง
เหมือนเราจ่ายเงินเพื่อไปหาใครซักคน ที่รู้จักเราดี โดยที่เราไม่ต้องเอ่ยปากเล่าเรื่อง

ดูเสร็จแล้วก็จบกันไป ไม่ต้องผูกพัน ไม่เป็นหนี้บุญคุณ
ไม่ต้องกลัวว่ามันจะไปปากโป้งเล่าให้เพื่อนคนอื่นฟังอีก อะไรทำนองนั้น

ดังนั้น ทัศนคติของผมต่อหมอดูในวันนี้
ผมว่ามันไม่ใช่เรื่องงมงาย ไม่ใช่ความโง่เขลา อย่างที่หลายคนว่า

แต่ผมเห็นว่าหมอดู ก็เหมือนทางออกอีกทางของมนุษย์ในสังคม
เหมือนเวลาเราไปวัดไปคุยกับพระ ไปโบสถ์คริสต์เพื่อสารภาพบาป
ไปหาจิตแพทย์เพื่อขอคำปรึกษา ไปคุยกับเพื่อนเวลาไม่สบายใจ

ก็เหมือนกับทุกวงการ ที่มีทั้งคนดีและคนไม่ดี

การไปหาหมอดู ก็ควรเลือกที่เชื่อถือได้ ไม่ใช่พวกเอะอะก็ให้จ่ายเงินสะเดาะเคราะห์
ไม่ใช่พวกดังแล้วหยิ่ง คิดค่าดูแพงๆ จองคิวยาวเป็นปี

ตำราทั้งหลาย ก็แพร่หลายศึกษากันไปทั้งนั้น
ความแม่นยำ ก็แล้วแต่ประสบการณ์และความสามารถของแต่ละคน

สุดท้ายเราไม่ได้ถามเพื่อเชื่อหมอดู

แต่เราต้องเชื่อในตัวเอง และตัดสินใจเลือกทางเดินชีวิตด้วยตัวเราเองครับ…

นำมาลงซ้ำจากที่ blog หลักส่วนตัว
http://kohsija.exteen.com/20090203/entry

1 ความคิดเห็น: